现在在泰国充斥着各类选美比赛,每年也会有很多美女们在舞台上展示自己的美貌和才华,拿到桂冠的人还有机会代表泰国去世界各地参加不同的比赛。不知道大家有了解过初代的泰国选美比赛吗?和现在的差别大吗?又有哪些奇葩之处呢?一起来看看吧!


ประเทศไทยมีการประกวดนางสาวสยามเมื่อพ.ศ. 2477 เรียกได้ว่าช่วงยุคแรกของการประกวดนางงามยังไม่ได้ผสมกับองค์ประกอบทางธุรกิจ บรรยากาศก็ออกมาไม่ได้ง่ายดายนักแม้จะมีเจ้านายหรือผู้ใหญ่คนสำคัญของบ้านเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะเรื่องรายละเอียดว่าด้วยการประกวดซึ่งจากการบอกเล่าของนางสาวสยามยุคแรกๆ แล้ว หน่วยงานรัฐบาลยังต้องออกตามหาผู้เข้าประกวด เมื่อได้รางวัลรัฐบาลก็ขอบริจาคอีกต่างหาก
泰国在1934年开始有了选美比赛,可以说选美比赛的最初阶段并没有夹杂着商业的气息,尽管会有一些大人物来参与,比赛的氛围也并不轻松,尤其是比赛的细节。根据初代选美 参赛选手的说法,政府部门需要亲自出面寻找参赛者,获得桂冠之后政府还会要求其捐款。



การประกวดนางสาวสยามยุคแรกจัดขึ้นในงานฉลองรัฐธรรมนูญซึ่งครั้งแรกจัดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2477 นางสาวสยามคนแรกมีนามว่า กันยา เทียนสว่าง ซึ่งเธอยังทำหน้าที่ในงานเกี่ยวกับ “นางงาม” อีกหลายปี อย่างที่ทราบกันว่า การประกวดนางงามในสมัยแรกๆ บางปีก็มาพร้อมกับสถานการณ์ทางสังคม หรือสงครามซึ่งกระทบต่อการประกวด
初代的泰国选美在1934年宪法纪念日上首次举办,第一位暹罗小姐叫做 Kanya Thiansawang,她在今后的多年内也都从事着和选美比赛相关的工作。众所周知,在刚开始的选美 比赛中,经常会遇到社会事件和战争,都会对比赛产生影响。

เวที “นางสาวสยาม” นางงามประจำชาติไทย เปิดฉากขึ้นครั้งแรกสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ท่ามกลางงานฉลองรัฐธรรมนูญ ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2477 ทิ้งช่วงเวลาจากการประกวดสาวงามระดับท้องถิ่นมาระยะหนึ่ง โดยมีกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้กำกับดูแล
“暹罗小姐”的比赛在 銮披汶政府执政时期开始,在1934年12月庆祝宪法日的氛围中展开,距离地方的选美比赛有一段时间了,由泰国内政部负责监管。


(第一届泰国小姐选美)

คุณประเสริฐ เจิมจุติธรรม แฟนพันธุ์แท้นางงามบอกเล่าถึงสาเหตุที่เวทีแห่งสาวงามได้รับการบรรจุอยู่ในงานทางการเมืองว่า เนื่องจากขณะนั้นชาวสยามยังไม่รู้จักการปกครองระบอบใหม่อย่างประชาธิปไตย รัฐจึงจัดงานให้ความรู้ใต้ชื่อ “รัฐธรรมนูญ” แต่ประชาชนยังคงเข้าร่วมงานกันบางตา จนกระทั่งต้องใช้การประชันความงามมาเป็นมาตรการดึงดูดคน ซึ่งให้ผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจ
选美比赛的死忠粉 Prasoet Choemchutitham 提到了当时的选美比赛被放在了政治活动中举办,因为当时的暹罗人对新的民主政体还不了解,政府就在“宪法”的名号下举办活动, 但是当时愿意参加的民众非常少,所以不得不用比拼美貌的办法来吸引人们参加,才获得了令人满意的结果。

ข้อมูลบรรยากาศการประกวดในยุคแรกต้องสืบค้นไปถึงข้อมูลจากคำบอกเล่าของ “นางงาม” ที่เข้าร่วมในยุคแรกซึ่งเคยมีผู้รวบรวมบทสัมภาษณ์นางงามยุคแรกหลากหลายท่านเอาไว้ ดังเช่นหนังสือ “ดอกไม้ของชาติ” โดยอรสม สุทธิสาคร ซึ่งบอกเล่าบรรยากาศการประกวดนางงามในยุคแรกจากการสัมภาษณ์พร้อมข้อมูลบริบททางสังคมเอาไว้ด้วย
初代选美比赛的氛围一 定要去和当时参加选美比赛的人考证,有人汇编了当时很多选手采访的内容,就好比在Orasom Suddhisakorn的《国家的花朵》一书中,就讲述了参加过初代选美比赛的选手参赛的氛围和一些与社会环境相关的内容。

การบอกเล่าเหล่านี้ทำให้คนรุ่นหลังได้ทราบบรรยากาศการประกวด ที่สำคัญคือเบื้องหลังประสบการณ์นางงามยุคแรก อาทิ ประสบการณ์ของวณี เลาหเกียรติ์ นางสาวสยามคนที่ 2 ของประเทศเมื่อพ.ศ. 2478 ซึ่งประกวดในช่วงกลางเดือนธันวาคม สถานที่จัดงานอย่างท้องสนามหลวงและพระราชอุทยานสราญรมย์เต็มไปด้วยน้ำเจิ่งนอง แต่จากการรายงานข่าวผ่านคอลัมน์ปกิณกคดีของประชาชาติ วันที่ 13 ธันวาคมแล้วจะทราบได้ว่า งานครั้งนั้นยังเป็นที่สนใจของประชาชน โดยมี 3 สิ่งที่โดดเด่นคือ ล็อตเตอรี่ การเต้นรำ และนางงาม
这些讲述让后辈人了解 到当时比赛的氛围,还包括一些背后的故事,例如1935年第二位暹罗小姐Wanee Laohakiat,在12月中旬参加比赛,举办比赛的场地如皇家田广场和Saranrom公园被大水淹没,但是根据12月13日国家记录选集专栏的记载得知,这次活动深受民众关注,最引人瞩目的是彩票、跳舞和选美比赛。

สำหรับการประกวดนางงามนั้นมี 3 วัน วันที่ 10 ธันวาคมเป็นการประกวดนางสาวธนบุรี วันถัดมาเป็นนางสาวพระนครมีผู้เข้าประกวด 46 คน ผู้ได้รับเลือกคือ วณี เลาหเกียรติ์ จากอำเภอบางรัก
当时比赛共进行了3天,12月10日是吞武里小姐的比赛,第二天是曼谷小姐的比赛,共46名选手,被选上的是来自Bang Rak县的 Wanee Laohakiat。


(图为 Wanee Laohakiat )

อรสม สุทธิสาคร ยังบรรยายรายละเอียดการคัดเลือกนางงามสมัยนั้นว่า มีเกณฑ์คัดเลือกอย่างละเอียด
Orasom Suddhisakorn还 详细地阐述了当时选美的细节,选美有详细的标准:

“โดยกรรมการพิจารณาจากรูปทรง ผิวเนื้อ เล็บ ฟัน หลังเวทีมีการเปิดดูน่อง แม้นางงามจะใส่ชุดไทยห่มสไบเฉียง นุ่งผ้าซิ่น ยาวกรอมเท้า แต่กรรมการก็สำรวจละเอียดเพื่อเลือกเฟ้นคนที่งามจริงๆ หน้าตาไม่มีการแต่งเติมเสริมแต่ง เป็นที่มั่นใจได้ว่างามอย่างเป็นธรรมชาติแท้”
“评委会从身材、皮肤、指甲、牙齿等方面评选,后台还会检查腿部,虽然选美小姐们都身穿泰服披着斜披巾,下身穿筒裙,长度到脚踝,但是评委们也会仔细检查,挑选出真正美丽的 人,脸上没有化妆,要确保是真正的自然美。”


ข้อมูลนี้สอดคล้องกับปากคำของวณี ที่บอกเล่าประสบการณ์และที่มาของการเข้าร่วมประกวดครั้งนั้นว่า
资料与Wanee提到关于那次比赛的细节是一致的:

“สมัยนั้นทางมหาดไทยจะให้ข้าหลวงออกตามหาว่าบ้านไหนมีลูกสาวสวย พอทางการมาเห็นเข้าก็ขอให้ช่วยชาติร่วมฉลองงานรัฐธรรมนูญ ตอนเข้าประกวดนี่เตรียมตัวล่วงหน้าไม่นาน การทำนุบำรุงร่างกายก็เป็นไปตามปกติ เพราะเวลานั้นยังไม่นิยมการบำรุงร่างกายตามแบบสากลนิยมกันนัก
“当时内政部会让工作人员来询问哪家有好看的女孩子,工作人员看到之后就会邀请参加宪法日庆祝活动,参加活动前准备得不久,对身体的保养也就是按照平常的,因为当时还 没有现在这样国际化的身体保养。



การประกวดก็นิยมแบบธรรมชาติแท้ๆ ไม่แต่งเติมก็ดูสวยดีนะคะ เขาจะไม่อนุญาตให้แต่งหน้าเลย ชุดประกวดเป็นชุดไทยห่มสไบเฉียงเป็นความกรุณาของคุณหญิงมหาโยธาท่านให้ยืมผ้ายกเก่าแก่ของท่านซึ่งหายากมาก ทั้งยังให้ลูกสาวซึ่งเป็นนักเรียนนอกฝึกการเดินให้ โดยเกณฑ์บ่าวไพร่คนเป็นร้อยมานั่งดู เพื่อไม่ให้เราประหม่า แต่เวลาเดินบนเวทีจริงๆ ก็ประหม่าเล็กน้อยนะคะ เวทีนี่เขาแต่งเหมือนเวทีละครเป็นเวทีแคบๆ เวลาเดินก็เดินเท้าเปล่ากันทุกคน ก็รู้สึกธรรมดา เพราะทุกคนก็ไม่ได้ใส่รองเท้า หลังเวทีนี่กรรมการจะขอดูน่องดูผิว ดูละเอียด เวลาเดินนี่มองลงมาจากเวทีเห็นคนดูแต่งกายสุภาพสวยงาม”
比赛也是流行完全的自然美,不化妆也很好看,他们不允许化妆,比赛的服装是泰服,身穿的披巾也是Mahayotha夫人借给的,是非常难得的古老材质,她还让当时是留学生的女 儿为我们练习走台步,再找上百个普通民众来当观众,为了让我们不疏忽犯错,但是真正在舞台上走的时候还是会踉跄,舞台被装扮得像舞台剧舞台,非常窄,走的时候必须要光脚,也觉得很平常,因为每个人都不穿鞋,后台有评委检查腿和皮肤,看得很仔细,在舞台上走的时候看到下面有很多穿着非常正式好看的观众。”

เรียม เพศยนาวิน สาวมุสลิมนางสาวไทยพ.ศ. 2482 กล่าวตรงกันว่า การประกวดเมื่อเปลี่ยนมาเป็นชื่อ “นางสาวไทย” แล้วก็ยังได้แค่ทาแป้ง ทาปากเท่านั้น ห้ามเขียนคิ้ว ดังการบอกเล่าตอนหนึ่งว่า
1939年的穆斯林泰国小姐  Riam Phetsayanawin 也说当暹罗小姐更名为泰国小姐之后,也只能擦粉和口红,不能画眉毛:

“สมัยก่อนนี้หน้าไม่แต่ง แค่ทาแป้ง ทาปากได้เท่านั้น ต้องเป็นธรรมชาติจริงๆ คิ้วก็ห้ามเขียน ไปดูหลังโรงนี่จำได้เลย คุณหญิงอมร ภรรยาคุณวิลาศ โอสถานนท์ ท่านเป็นกรรมการตัดสินอยู่ด้วย ต้องเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์มาเช็ดคิ้ว ดูว่าใครเขียนคิ้วมาหรือเปล่า แล้วชุดประกวดนี่เนื่องจากเสื้อเปิดข้างหลัง เสื้อชั้นในจะไม่ได้ใส่กัน กระโปรงยาวก็จริง แต่หลังโรงนี่กรรมการเขาต้องเปิดดูช่วงขาด้วยนะ ว่ารูปร่างดีไหม ผิวดีหรือเปล่า…”
“以前妆也不能画,只能擦粉和口红,必须是纯天然的,眉毛也不准画,还记得在后台Vilat Osathanon的妻子Amon夫人也是评委之一,用棉签蘸着酒精去擦眉毛,看有没有人画眉 毛,比赛的服装后面是镂空的,所以不能穿内衣,裙子也很长,但是后台评委会检查到腿的部分,看身材好不好,皮肤好不好…” 


(图为 Riam Phetsayanawin )


แม้การประกวดเปลี่ยนมาเป็น “นางสาวไทย” เมื่อ พ.ศ. 2482 แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเกณฑ์การประกวดก็ยังละเอียดไม่แพ้กัน อรสม บรรยายเกณฑ์การให้คะแนนในการประกวดช่วง พ.ศ. 2497 ว่าเป็นไปอย่างละเอียดยิบ แบ่งให้คะแนน 3 ส่วน ได้แก่
虽然比赛在1939年更名为“泰 国小姐”,但是评选的规则依然很严格,Orasom Suddhisakorn介绍时表示1954年期间的选美比赛评分标准很细致,可以分成三部分:

1.ศีรษะ ตั้งแต่รูปศีรษะ ใบหน้า ทรงผม สีผม คิ้ว นัยน์ตา จมูก ปาก ฟัน คอ หู
1.头:头型、脸型 、头发、发色、眉毛、眼睛、鼻子、嘴巴、牙齿、脖子、耳朵

2.ช่วงตัว ตั้งแต่ไหล่ ไหปลาร้า ทรวงอก ท้อง สะโพก
2.身体:肩膀、锁 骨、胸部、腹部、臀部

3.แขน ขา ตั้งแต่ลำแขน ข้อศอก ข้อมือ นิ้วมือ เล็บมือ ลำขา ลำน่อง เข่า ข้อเท้า รูปเท้า นิ้วเท้า
3.四肢:上臂、手肘 、手腕、手指、指甲、大腿、小腿、膝盖、脚踝、脚、脚趾

คะแนนรวมทั้ง 3 ส่วนทั้งหมด 85 คะแนน และมีคะแนนเดินอีก 15 คะแนน
分数共三部分,一  85分,走台步的分数15分。

วณี เป็นลูกของนายตำรวจคือ ร้อยตำรวจเอกบุญจินต์ ย่าของเธอเป็นเจ้าของห้างเคียมฮั่วเฮ็งห้างดังสมัยนั้น และเป็นเจ้าของที่ดินมากมาย อรสม สุทธิสาคร ระบุว่า ภายหลังได้ยกที่ดิบแถบถนนคอนแวนต์ให้เป็นสถานที่ก่อสร้างอารามชี ขณะที่วณี นับถือศาสนาคริสต์ เนื่องด้วยกำพร้าแม่ตั้งแต่เด็กและเลี้ยงดูโดยย่า เธอจึงเป็นที่รักของย่าอย่างยิ่ง และเริ่มเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอี ตั้งใจจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแต่มาชนะประกวดเสียก่อน เธอยังเล่าที่มาและประสบการณ์จากการประกวดว่า
Wanee是bunchin警监的女儿,她的祖母是当时知名的合成兴金行的老板,还拥有很多土地,Orasom Suddhisakorn说后来她将Convent路附近的土地建了教堂,因为Wanee信奉基督教,她从小就没了母亲,是由祖母带大的,被祖母宠爱,曾在Mater Dei School学校读书,决心要考入大学,但是先参加了并且赢得了比赛。她还讲 述了参加当时比赛的故事:


(图为2020年泰国小姐冠军 Amanda Obdam)

“ที่จริงถูกหลอกมาประกวดนะ เพราะคุณหญิงข้างบ้านบอกจะให้ลูกสาวมาประกวดด้วย จะได้เดินเป็นเพื่อน แต่เอาเข้าจริงไม่ได้มา ปล่อยให้เราเดินคนเดียว ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้ตำแหน่ง ไม่เคยมีใครมาบอก พอได้ตำแหน่งแล้วเหนื่อยมาก แต่ก็ภูมิใจ รู้สึกเป็นเกียรติคือรู้สึกตัวเองเป็นผู้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล รางวัลเป็นเงิน 1 พันบาท หลังได้มารัฐบาลขอบริจาคหมด แต่มงกุฎกับถ้วยยังอยู่ เวลาได้รับเชิญไปไหนก็ไปกับญาติผู้ใหญ่ ภาระหน้าที่หลังได้ตำแหน่งมากมายจริงๆ อย่างมีการแข่งขันกีฬาตามสถาบันต่างๆ ก็ต้องไปเตะบอลเปิดการแข่งขัน เขามาขอถ้วยให้ทีมชนะก็ต้องให้ไป”
“其实是被骗去参赛的,邻居的夫人说要让自己的女儿去参赛,和我一起作伴,但最后并没有去,只让我一个人去了,从来没有想过能获得奖项,也没人说过,获得桂冠之后非常累,但也很自豪,觉得自己能参与到政府工作中很光荣,奖金是1000泰铢,但是后来政府让全部捐出去了,但是桂冠和奖杯还在,获得桂冠之后要跟着领 导出席各种活动,任务非常繁重,比如有什么体育比赛也需要我去开球,有人来问我要奖杯给赢得比赛的队伍我也都给了。”

วณี สมรสกับนายแพทย์มานิตย์ สมประสงค์ ตั้งแต่อายุ 20 ปี ขณะที่เจ้าบ่าวของเธออายุ 33 ปี จบแพทยศาสตร์ศิริราช พิธีมงคลสมรสจัดที่วังปารุสกวัน เจ้าภาพคือพระยาพหลพลพยุหเสนา
Wanee在20岁的时候就和当时33岁从Sirirat医学院毕业的Manit Samprasong医生结婚了,婚礼在Paruskavan宫举办,东道主是披耶帕凤。


原来初代的选美小姐和现在有这么大的差别!

声明:本文由沪江泰语编译整理,素材来自silpa-mag,未经允许不得转载。如有不妥,敬请指正。