还记得小时候我们学的成语故事“东施效颦”吗?成语故事“东施效颦”用泰语怎么讲呢?让我们一起先看泰语,再看中文,不懂的查字典,一起来提高泰语水平!

เชื่อกันว่าในสรวงสวรรค์มีเซียนวิเศษที่ทำหน้าที่ดูแลอาชาแห่งสวรรค์ ส่วนในโลกมนุษย์ก็มีผู้ที่มีความสามารถในการคัดเลือกยอดอาชาเช่นกัน โดยบุคคลเหล่านี้จะถูกเรียกว่า "ป๋อเล่อ"   
ป๋อเล่อคนแรกในประวัติศาสตร์ มีชื่อเดิมว่า ซุนหยัง เป็นคนสมัยชุนชิว และเนื่องจากว่าเขามีความรู้เรื่องม้าอย่างลึกซึ้ง โดดเด่น ทำให้ผู้คนต่างพากันเรียกเขาว่าป๋อเล่อ แทนชื่อจริง  
วันหนึ่ง เขาได้รับมอบหมายจากอ๋องรัฐฉู่ ให้ไปซื้อหาม้าห้อพันลี้ ซึ่งมีฝีเท้าจัดเป็นเลิศในแผ่นดินมาถวายเป็นมาศึก ป๋อเล่อตอบตกลงโดยกล่าวกับท่านอ๋องว่า   
"อันว่ายอดอาชาในแผ่นดิน มีจำนวนนับได้ การเสาะหาคงไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องใช้เวลา ดังนั้นขอให้ท่านอ๋องใจเย็นๆ " กล่าวจบจึงออกเดินทางไปเสาะหาม้าที่เหมาะสมทันที  
ป๋อเล่อเดินทางไปยังหลายรัฐหลายประเทศ แม้แต่ดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็นถิ่นกำเนิดยอดอาชา อย่างรัฐเอียน(燕) และรัฐเจ้า(赵) แต่ก็ไม่ปรากฏม้าที่มีลักษณะต้องประสงค์  
วันหนึ่งขณะที่เดินทางกลับจากการไปเสาะหาม้ายังรัฐฉี ป๋อเล่อพลันพบเห็นม้าตัวหนึ่งกำลังออกแรงลากเกวียนบรรทุกเกลืออยู่อย่างยากลำบาก มันหอบหายใจเสียงดัง และมีท่าทางอิดโรยเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความที่ป๋อเล่อมีชีวิตผูกพันกับม้ามาโดยตลอด ทำให้เขารู้สึกสงสารและเข้าไปหาม้าตัวนั้น   
เมื่อม้าพบเห็นป๋อเล่อเข้ามาใกล้ พลันเงยหน้า เบิ่งตาจ้องมอง พร้อมกับร้องออกมาด้วยเสียงดังกังวาน ราวกับจะบอกอะไรกับเขา ในครานั้นเองป๋อเล๋อได้แยกแยะจากเสียงร้องของเจ้าม้าบบรทุกเกลือ และพบว่า นี่เองคือสุดยอดอาชาที่เขาปรารถนา   
ป๋อเล่อจึงกล่าวกับเจ้าของม้าในขณะนั้นว่า  
"ม้าตัวนี้หากวิ่งอยู่ในสนามรบ ฝีเท้าของมันจักไม่มีม้าตัวใดเทียบเทียมได้ แต่หากนำมาบรรทุกของ มันกลับไม่อาจเปรียบกับม้าธรรมดาๆ ตัวอื่น ท่านมิสู้มอบมันให้กับเราเถิด"  
เจ้าของม้าได้ยินก็เข้าใจว่าป๋อเล่อนั้นช่างโง่เขลา เนื่องจากที่ผ่านมา ม้าตัวนี้แทบไม่มีแรงลากเกวียน แถมยังกินจุ และมีขาที่ผอมราวกับไม้ฟืน จึงรีบตกลงขายให้กับโป๋เล่อไป  
ป๋อเล่อนำม้ากลับมายังรัฐฉู่ ขณะที่กำลังเดินเข้าสู่ที่ประทับของท่านอ๋อง ป๋อเล่อก็กล่าวเบาๆ กับม้าว่า    
"ข้าหาเจ้านายที่คู่ควรมาให้เจ้าแล้ว" ม้าราวกับเข้าใจคำพูดของป๋อเล่อ พลันดีดขาหน้าขึ้นตะกุยอากาศ พร้อมทั้งร้องเสียงดังกังวาน จนกระทั่งท่านอ๋องได้ยินเสียง และรีบออกมาชมดู  
ป๋อเล่อเมื่อพบท่านอ๋องก็กล่าวว่า  
"ข้าน้อยนำยอดอาชากลับมาแล้ว ท่านโปรดพิจารณาดู"  
ฝ่ายท่านอ๋องเมื่อเห็นม้ามีลักษณะทึ่มทื่ออย่างยิ่ง ก็รู้สึกผิดหวัง เข้าใจว่าโดนป๋อเล่อหลอก จึงกริ้วและตรัสกับป๋อเล่อว่า  
"ข้าใช้ท่านหาม้า ก็เพราะเชื่อว่าท่านมีความสามารถ แต่ท่านกลับนำตัวอะไรไม่รู้มาให้ข้า ดูท่าทางมันแล้วขนาดเดินเฉยๆ ยังยาก จะให้ขี่ลงสนามรบคงเป็นไปไม่ได้"  
ป๋อเล่อรีบกล่าวว่า "ม้าตัวนี้ลักษณะทึ่มทื่อก็เพราะมันผ่านความยากลำบากมามาก แต่หากเจ้าของดูแลเอาใจใส่ ข้าน้อยรับรองว่าไม่เกินครึ่งเดือนมันจะกลับคืนสู่ลักษณะที่แท้จริง "   
เมื่อได้ฟัง ท่านอ๋องมิได้เชื่อเท่าใดนัก แต่ก็ให้ทหารนำม้าไปดูแลอย่างดี ป้อนอาหารชั้นดีให้มันกิน จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นาน มันก็กลับคืนสู่ลักษณะของยอดอาชา ยามที่ท่านอ๋องขึ้นขี่ เพียงใช้แส้กระตุ้นเบาๆ มันก็พุ่งทะยานไปมากกว่า 100 ลี้  
ต่อมามันได้กลายเป็นม้าศึกคู่กายอ๋อง และอ๋องรัฐฉู่ก็กลับมาให้ความนับถือในตัวป๋อเล่อดังเดิม  
ป๋อเล่อเซี่ยงหม่า ปัจจุบันใช้เปรียบเปรยถึงผู้ที่มีสายตาแหลมคมในการคัดสรรคนดีมีฝีมือ

传说中,天上管理马匹的神仙叫伯乐。在人间,人们把精于鉴别马匹优劣的人,也称为伯乐。
第一个被称作伯乐的人本名孙阳,他是春秋时代的人。由于他对马的研究非常出色,人们便忘记了他本来的名字,干脆称他为伯乐,延续到现在。
一次,伯乐受楚王的委托,购买能日行干里的骏马。伯乐向楚王说明,千里马少有,找起来不容易,需要到各地巡访,请楚王不必着急,他尽力将事情办好。
伯乐跑了好几个国家,连素以盛产名马的燕赵一带,都仔细寻访,辛苦倍至,还是没发现中意的良马。一天,伯乐从齐国返回,在路上,看到一匹马拉着盐车,很吃力地在陡坡上行进。马累得呼呼喘气,每迈一步都十分艰难。伯乐对马向来亲近,不由走到跟前。马见伯乐走近,突然昂起头来瞪大眼睛,大声嘶鸣,好像要对伯乐倾诉什么。伯乐立即从声音中判断出,这是一匹难得的骏马。
伯乐对驾车的人说:“这匹马在疆场上驰骋,任何马都比不过它,但用来拉车,它却不如普通的马。你还是把它卖给我吧。”
驾车人认为伯乐是个大傻瓜,他觉得这匹马太普通了,拉车没气力,吃得太多,骨瘦如柴,毫不犹豫地同意了。伯乐牵走千里马,直奔楚国。伯乐牵马来到楚王宫,拍拍马的脖颈说:“我给你找到了好主人。”千里马像明白伯乐的意思,抬起前蹄把地面震得咯咯作响,引颈长嘶,声音洪亮,如大钟石磐,直上云霄。楚王听到马嘶声,走出宫外。伯乐指着马说:“大王,我把千里马给您带来了,请仔细观看。”
楚王一见伯乐牵的马瘦得不成样子,认为伯乐愚弄他,有点不高兴,说:“我相信你会看马,才让你买马,可你买的是什么马呀,这马连走路都很困难,能上战场吗?”
伯乐说:“这确实是匹千里马,不过拉了一段车,又喂养不精心,所以看起来很瘦。只要精心喂养,不出半个月,一定会恢复体力。”
楚王一听,有点将信将疑,便命马夫尽心尽力把马喂好,果然,马变得精壮神骏。楚王跨马扬鞭,但觉两耳生风,喘息的功夫,已跑出百里之外。
后来千里马为楚王驰骋沙场,立下不少功劳。楚王对伯乐更加敬重。  

点击查看更多此系列文章>>