大家在学习泰语词汇蝴蝶的时候一定疑惑,明明这么好看的蝴蝶,怎么会叫ผีเสื้อ呢?它和“鬼”有什么关系呢?今天,我们就来帮助大家解答这个疑惑,看看好看的蝴蝶究竟是怎么被冠上这个吓人的名字的。

文章带读:
(音频-可在沪江泰语公众号上收听)
朗读:(泰)ฟ้าใส

เคยสงสัยหรือไม่ว่า “ผีเสื้อ” สัตว์ที่มีสีสันลวดลายบนปีกสวยงามชนิดนี้ ทำไมจึงถูกเรียกว่า “แมลงผีเสื้อ” มันเกี่ยวข้องกับ “ผี” อย่างนั้นหรือ?
大家有没有奇怪过,像 蝴蝶这种翅膀上有美丽花纹的动物,为什么会被叫“แมลงผีเสื้อ”(合成词构成:昆虫+鬼+衣服),它和“ผี”有什么关系呢?

“เสื้อ” หรือ “ผีเสื้อ” เป็นผีในคติความเชื่อของกลุ่มชนไต-ไท สันนิษฐานว่า ผีเสื้อเป็นผีพื้นเมืองเก่าแก่ในอุษาคเนย์ มีมาก่อนการมาถึงของศาสนาพราหมณ์และพุทธ มีลักษณะเป็น “ผีโลกาภิวัตน์” ประเภทหนึ่งก็ว่าได้ เพราะถูกแปรเปลี่ยนปรับปรุงให้เข้ากับบริบทของสังคมในแต่ละคติความเชื่อ แต่ละพื้นที่ แต่ละยุคสมัย
“เสื้อ” 或“ผีเสื้อ” 是台语民族民俗学中的一种鬼,根据推测,ผีเสื้อ是东南亚一种古老的鬼怪,甚至在婆罗门教和佛教传入之前就有了,可以说是一种“国际化”的鬼怪,因为根据各 个信仰、各个地区、各个时代不同社会环境在不断变迁。

ผีเสื้อปรากฏในหลักฐานโบราณหลายประเภท เช่น ในศิลาจารึกหลักที่ 1 ว่า “พ่อเชื้อเสื้อคำมัน”, ในจารึกปู่ขุนจิดขุนจอด ว่า “(ผี) มัน ทั้งเสื้อใหญ่…”, ในนิทานของไทอาหม กล่าวถึงเทวดานามว่า ปู่ผีเสื้อ, ในไตรภูมิพระร่วง กล่าวถึง ท้าววิรุฬหกมีบริวารเป็นกุมภัณฑ์และผีเสื้อ หรือคนตายเป็นเปรต พ้นจากเปรตแต่ยังมีเศษบาปอยู่ ต้องกลับมาเป็นผีเสื้ออีกห้าร้อยชาติ”
ผีเสื้อ这种鬼怪出现在了很多古老的证据中,在兰甘亨石碑第一面提到“去世的父亲”,在Pu Khun Jit Khun Jort石碑中提到“大鬼”,在阿洪姆人人的民间故事中也提到了叫“ ปู่ผีเสื้อ”的神,在《三界经》中提到了增长天王成为了กุมภัณฑ์和ผีเสื้อ,死去的人变成饿死鬼,从饿死鬼脱离出来还存在参与的业障,还要在接下来的五百世中变成ผีเสื้อ。

ผีเสื้อจึงเป็นผีที่ “variety” มาก มีทั้งที่เป็นลักษณแบบผีปู่ผีย่า ผีบรรพบุรุษ ผีอารักษ์ ผีบ้านผีเมือง ฯลฯ แต่ผีเสื้อที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดประเภทหนึ่งก็คือ “เสื้อเมือง”
所以ผีเสื้อ 是一种非常多变的鬼,有老人样的、祖先类的、负责守护的鬼、本土的鬼,但是最被人熟悉的一种就是เสื้อเมือง。

สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายว่า ความเชื่อเรื่องเสื้อเมืองทางอุบลราชธานี จะหมายถึง ผีเจ้าต้นสกุล ผู้บูรณะประดิษฐานบ้านเมือง อันเป็นผีบรรพบุรุษที่ปกปักษ์รักษาเมือง ในขณะที่ทางล้านนาเอง ก็มีความเชื่อเรื่องเสื้อเมืองเช่นกัน แต่ไม่ได้มีเฉพาะเสื้อเมืองอย่างเดียว มีเสื้อแยกย่อยอีกหลายประเภท เช่น เสื้อห้วย เสื้อหนอง เสื้อบ้าน เสื้อวัด ฯลฯ
丹龙·拉差努帕亲王解释 到了在乌汶府流传的关于เสื้อเมือง的传说,讲到了Chao Ton Sakul是负责守护当地的鬼。在兰纳文化中,也有关于เสื้อเมือง的传说,但是不仅仅是เสื้อเมือง这一种,还有很多种类的เสื้อ,比如เสื้อห้วย เสื้อหนอง เสื้อบ้าน เสื้อวัด等等。

เสื้อเมืองในทางล้านนามีหน้าที่รักษาเมือง ในวรรณกรรมตำนาน มักเรียกรวมกันว่าเสื้อบ้านเสื้อเมือง เวลาทำศึกสงคราม ก็มักกระทำพิธีพลีกรรมแก่เสื้อบ้านเสื้อเมือง บางครั้งก็กล่าวถึงอานุภาพของเสื้อบ้านเสื้อเมือง หากเซ่นไหว้บวงสรวงดีก็จะได้รับผลดี หากละเลยก็จะเกิดความวิบัติฉิบหาย (เสื้อเมืองของอาณาจักรอื่นหรือเมืองอื่น ๆ ก็มีลักษณะคติความเชื่อคล้ายคลึงกัน)
兰纳中的เสื้อเมือง有负责守护国家的职责,在文学作品中,经常将其称为เสื้อบ้านเสื้อเมือง,在打仗的时候,都会对这些鬼怪进行祭祀,如果祭拜得好。就会获得好处,如果忽略了就会产生危害 (其他地方关于เสื้อเมือง也有类似的特征)。

นอกจากนี้ ในทางล้านนา ผีเสื้อน่าจะเป็นผีที่มีอำนาจเทียบเท่า ยักขะ กุมภัณฑ์ คันธัพพะ และนาคา ซึ่งมีหน้าที่รักษาด่านสวรรค์ ดังมีบันทึกในคัมภีร์อรุณวดี ฉบับวัดมะกับตอง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ระบุให้ผีเสื้อรักษาด่านสวรรค์ชั้นที่ 5 เรียกได้ว่า ผีเสื้อเป็นผีพื้นเมืองมีศักดิ์ศรี และฐานะตำแหน่งเทียบเท่าอมนุษย์ในพุทธศาสนา แถมยังมีสิทธิ์ลงสระอโนดาตอีกด้วย
除此之外,在兰纳文 化中,ผีเสื้อ和夜叉、鸠盘荼、乾闼婆和那迦拥有一样神力的鬼神,负责看守天堂的入口,于是在清迈讪巴东县Wat Makaptong寺的Arunwadee经书中记载了,ผีเสื้อ看守着第五层天堂入口,是一个负责守护的鬼怪,在佛教中的地位与非人的等级一致,还有权利下到Anodat湖中。

เสื้อเมืองคงจะเป็นผีบรรพบุรุษที่ได้รับการสถาปนาให้รักษาเมืองมาแต่ดั้งเดิม ต่อมา เมื่อกระแสวัฒนธรรมและศาสนาจากอินเดียแผ่ปกคลุม เสื้อเมืองคงกลายรูปไปเป็นเทวดาอารักษ์ ซึ่งมีหน้าที่รักษาเมือง คล้ายเสื้อเมือง แต่หากพูดถึงอารักษ์มักอ้างถึงหรือเชื่อมโยงถึงพุทธศาสนามากกว่าc
เสื้อเมือง是一 种古老的负责守护国家的鬼,后来当印度的宗教和文化传播开来的时候,เสื้อเมือง就有了固定的守护神形象,负责守护国家,当说到守护神的时候,经常会联系到佛教。

ส่วนเหตุที่เรียกสัตว์ปีกชนิดหนึ่งว่า “แมลงผีเสื้อ” นั้น เสฐียรโกเศศ หรือพระยาอนุมานราชธน ให้ความเห็นเอาไว้ว่า
我们把一类 带翅膀的昆虫称为“ผีเสื้อ”的原因,Phraya Anuman Rajadhon解释道:

“…คราวนี้เรื่องผีเสื้อยังมีต่อไปว่า ทำไมเราเรียกแมลงชนิดหนึ่งว่า ผีเสื้อ จะเป็นคำเดียวกันหรือไม่ ถ้าใช่ทำไมจึงเรียกแมลงชนิดนี้ว่า แมลงผีเสื้อ เพราะแมลงชนิดนี้ในคำเดิมเขาเรียกว่า ตัวเบื้อ หรือแมงเบื้อ 4 ใช้ว่า กะเบื้อ ก็มี เราเรียกสิ่งที่ประดับด้วยมุกและกระจกว่า มุกแกมเบื้อ เบื้อในที่นี้หมายเอากระจกเงา เห็นจะเป็นเพราะกระจกมีแสงและสีเลื่อมพรายเหมือนปีกของตัวเบื้อ จึงได้เอาชื่อนี้มาตั้งให้แก่กระจกว่าเบื้อ
“关于ผีเสื้อ还有要说的,为什么我们会把一种 昆虫叫做‘ผีเสื้อ’呢?到底是不是同一个词,如果是的话为什么要这么叫呢?这种昆虫以前人们将其称为‘ตัวเบื้อ’,也有叫‘กะเบื้อ’的,我们把一种用珍珠玻璃装饰的东西称为‘มุกแกมเบื้อ’,‘เบื้อ’在这里的意思就是玻璃的光影,因为玻璃会反射光芒,就好像蝴蝶的翅膀一样,所以把这种玻璃叫做‘เบื้อ’。”

 เกี่ยวกับเรื่องผีเสื้อนี้ ท่านผู้ใหญ่เล่าให้ฟังว่า ท่านขึ้นไปโคราชคราวหนึ่ง ‘ได้เห็นที่ข้างทางในดงพระยาไฟ มีผีเสื้อมั่วสุมกันเป็นกลุ่ม ๆ เกาะอยู่ก็มาก บินโฉบฉายอยู่ก็มี ที่มันมั่วสุมอยู่นั้นอยู่ต่ำ ๆ นึกอยากรู้ว่ามันตอมอะไร แต่ไปรถไฟซึ่งไม่มีโอกาสจะลงตรวจดูได้ ครั้นไปถึงโคราชจึงถามเขา แต่ได้ความไปเสียทางหนึ่ง ว่าพวกโคราชกลัวผีเสื้อกันนัก ถือกันว่าผีเสื้อมั่วสุมกันอยู่ที่ไหน เป็นเครื่องหมายว่า ที่นั่นมีโรคภัยไข้เจ็บ คนเดินทางเห็นผีเสื้อเข้าที่ไหน ก็รีบเดินทางหนีไปเสียให้พ้น ไม่มีใครกล้าจะหยุดยั้ง โดยนัยนี้จะว่าผีเสื้อเป็นเชื้อผี คือ ผีเชื้อโรคได้บ้างกระมัง’
“关于蝴 蝶的故事,一位前辈曾经讲过,他有一次去到呵叻,看到路边丛林中有好几处蝴蝶聚集在一起,飞着的也有,在低处想要闻什么的也有,但是坐火车没办法下车看,当到了呵叻的时候就问别人,但是得到了负面的答案,呵叻人很害怕蝴蝶,认为蝴蝶聚集在哪里,就表示哪里有疾病,走路的人在哪里看到蝴蝶,就会远离这个地方,没有人敢停下来,这样的话人们应该认为蝴蝶是一种代表疾病的鬼怪吧!”

ที่ผีเสื้อมัวสุมจับกลุ่มกันในดง มีผู้บอกข้าพเจ้าว่า มันจับกลุ่มตอมกินน้ำค้าง และมีคติทางภาคอีสานว่า ถ้าผีเสื้อบินมามากเป็นกลุ่ม ๆ คือแสดงเป็นลางร้ายบอกให้รู้ว่าจะมีเหตุเภทภัย เช่นเกิดไข้เจ็บเป็นโรคระบาดขึ้น เป็นต้น ชาวอีสานจึงหวั่นหวาดเมื่อเห็นผีเสื้อจับกลุ่มกันมาก ๆ เพราะลักษณะเช่นนี้มักมีแต่ในป่าในดงซึ่งมีไข้ชุมยิ่งกว่าที่อื่น…”
“蝴蝶在 丛林中聚集,有人说它们是聚集在一起吸露水,在东北有传说,当很多蝴蝶飞来的时候就预示着会发生灾难,比如生病受伤等等,东北人看到很多蝴蝶会很害怕,因为这种场景一般更容易发生在疾病本就更多的丛林中。”

ทั้งนี้ คำว่า แมลงผีเสื้อ เป็นคำศัพท์ภาษากลาง เพราะทางภาคเหนือเรียก กำเบ้อ และทางภาคอีสานเรียก กะเบี้ย กะเบื้อ เหตุที่เรียกแมลงผีเสื้อว่าผีเสื้อนั้น จึงน่าจะสืบทอดแนวคิดมาจากความเชื่อที่ว่า “ผีเสื้อ” หรือวิญญาณของผู้ตาย จะสิงอยู่ในตัว “แมลงผีเสื้อ” นั่นเอง
总之,蝴蝶这个词是中部方言,北部方言将其称为“กำเบ้อ”,东北话叫做“กะเบี้ย”或“กะเบื้อ”,至于将它叫做“ผีเสื้อ”,可能是认为它们是死去人的灵魂,寄存在了蝴蝶的身上。

 

现在大家知道蝴蝶和“鬼”有什么关系了吗?

 

声明:本文由沪江泰语编译整理,素材来自silpa-mag,未经允许不得转载。如有不妥,敬请指正。