相信大家在超市里都看到过泰国的小老板海苔,同时在很多泰剧中也看到过这款海苔的身影,但大家知不知道,小老板这个品牌的创始人真的是个名副其实的“小老板”呢?一起来看看他的致富之路吧~

文章带读:
(音频-可在沪江泰语公众号上收听)
朗读:(泰)ฟ้าใส

คุณคงเคยได้ยินชื่อของ เถ้าแก่น้อย แบรนด์สาหร่ายทอดสำหรับทานเล่นจากประเทศไทย ถ้าหากใครยังไม่รู้จัก แค่เดินเข้า 7-Eleven หรือร้านสะดวกซื้ออื่น ๆ ก็สามารถลิ้มลอง สาหร่ายแผ่น บาง กรอบ ที่พร้อมจะละลายในปากได้แล้ว แถมยังมีหลายรสให้เลือกทาน เหมาะป็นของทานเล่นในทุกโอกาส
大家应该都听过“小老板”这个名字,它是一个泰国的炸海苔零食品牌。如果还有谁不认识,只需走进7-11或者其他便利店就可以去尝一尝,小小的海苔片被炸得轻薄酥脆,几乎要在口中融化,而且还有多种口味可以选择,任何时候都可以被当作一个零嘴来吃。

หลายคนอาจจะได้ดูตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง "TOP SECRET วัยรุ่นพันล้าน" กันมาแล้ว ด้วยตัวอย่างที่น่าติดตามต่างจากภาพยนตร์วัยใสทั่วไป เพราะภาพยนตร์ดังกล่าวนั้นมีแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง!! ของเด็กหนุ่มที่ติดเกมออนไลน์... เรียนหนังสือไม่เก่ง แถมถูกประณามว่าเป็นเด็กไม่เอาไหน แต่ใครจะรู้ว่าเขาคนนั้นจะกลายมาเป็นเศรษฐีร้อยล้านเพียง อายุแค่ 23 ปีเท่านั้น !
不少人应该都看过电影《亿万少年的顶级机密》的预告片,它区别于其他青春片的地方就是,电影内容取材于真实故事!!原本他是一个学习不给力,甚至被人说是不中用的沉迷游戏的废物网瘾少年...但谁能想到他能在23岁的时候就成为亿万富翁呢!

นั่นแน่... อยากรู้กันแล้วใช่ไหมว่าเขาคนนั้นคือใคร แล้วทำไมเขาถึงกลายเป็นเศรษฐีได้ในเวลาอันสั้น ไปทำความรู้จักกับ "ต๊อบ อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์" เจ้าของธุรกิจสาหร่ายทอดกรอบแบรนด์ "เถ้าแก่น้อย" กันเลย
我敢肯定...大家都想知道他是谁,又为什么能够在那么短的时间里成为富豪了吧?那么我们就一起来认识一下知名海苔品牌“小老板”的老板——“Tob Ittipat”吧~

ต๊อบ อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ เศรษฐีร้อยล้านคนนี้ ก่อนหน้านี้เขาถูกตราหน้าว่าเป็นคนไม่เอาถ่าน ไม่สนใจเรียน ชีวิตของ ต๊อบ มีแต่คำว่า "เกม" เท่านั้น โดยต๊อบเริ่มเล่นเกมออนไลน์ Everquest มาตั้งแต่ ม.4 ถึงขนาดสะสมแต้มจนรวยที่สุดในเซิร์ฟเวอร์ และกลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเกมดังกล่าว จนมีฝรั่งมาขอซื้อไอเท็มเด็ด ๆ ไอเท็มเจ๋ง ๆ ที่หายากในเกมจากเขา และนั่นก็เป็นการเริ่มต้นสร้างรายได้ของต๊อบ ซึ่งการซื้อขายไอเท็มเกมดังกล่าว บวกกับการที่เป็นผู้ทดสอบระบบเกมในฐานะคนเล่น ก็สร้างรายได้ให้เขาเป็นกอบเป็นกำ จนมีเงินเก็บเป็นหลักแสนบาทเลยทีเดียว
这位名叫Tob Ittipat的身价过亿的富翁,以前被扣上了“不中用、不爱学习”的帽子,他的生活中只有“游戏”这一个东西。Tob从高一开始就沉迷于一款叫《无尽的任务》的游戏,他在游戏中不停地攒积分,成为了游戏中积分最富有并且知名度非常高的玩家,并且开始有外国人找他来买游戏中一些很难获得的酷炫装备,这也就成为了Tob赚钱的开端。通过交易游戏装备和作为玩家测试游戏系统,让他赚得了一大笔钱,存下了将近十万泰铢。

แต่แน่นอนว่าทุกความฝัน ต้องมีวันตื่นเสมอ เมื่ออายุ 17 ปี เขาตัดสินใจเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และในปีเดียวกัน ธุรกิจของครอบครัวของเขาก็พบเจอกับปัญหาการเงินอย่างหนัก และอยู่ในภาวะล้มละลายในที่สุด โดยเป็นหนี้กว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ
但每场梦都会有醒来的一天,在他只有17岁的时候,他决定去泰国商会大学继续学习,可过了仅仅一年,他家的生意就遇到了很大的金融问题,最终以破产收尾,还欠下了一千万美元的债务。

เหตุการณ์นี้ ทำให้เขาตัดสินใจออกจากโรงเรียน มาช่วยครอบครัว เขาขายไอดีเกมได้ราคาดี และเริ่มคิดว่าจะเอาเงินนั้นไปใช้อะไรเพื่อช่วยครอบครัวของเขาได้บ้าง
这样的情况让他决定退学来给家里帮忙,他以很好的价格卖掉了装备,并且开始思考怎样使用这笔钱才能够帮到家里。

และในช่วงจังหวะที่เกมออนไลน์เริ่มไม่เป็นที่นิยมเหมือนเคย เขาก็หารายได้จากช่องทางอื่น ทั้งขายเครื่องเล่นวีซีดี ดูทำเลเปิดร้านกาแฟหน้ามหาวิทยาลัย แต่แม้ว่าจะพยายามเต็มที่ ความพยายามของเขาก็ไม่เป็นไปตามแผน และเขาก็ยังคงเสียเงินไปจำนวนมาก วันหนึ่งระหว่างที่เขาเดินสำรวจย่านเยาวราช ช่วงกลางวันเขาเห็นคนมากมายกินเกาลัดคั่วน้ำตาลกันอย่างเอร็ดอร่อย และในตอนนั้นเกาลัดแบบนี้ก็มีขายแค่ในย่านเยาวราชเท่านั้น นั่นกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาเริ่มทำธุรกิจแรกของตัวเอง ซึ่งก็คือการขายเกาลัดคั่วน้ำตาลตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ แต่ทว่าราคาสูงเกินกำลังที่เขามี เลยขอแค่เช่าตู้คั่วเกาลัดเท่านั้น แล้วมาสร้างเฟรนไชส์เป็นของตัวเอง และเมื่อวันที่เขาต้องไปเซ็นสัญญาซื้อขายเกาลัดที่ห้างแห่งหนึ่ง ก่อนออกจากบ้านเขาได้ยินคุณพ่อพูดกับเพื่อนว่า "ลูกอั้วกำลังจะเป็นเถ้าแก่น้อยแล้ว" คำว่าเถ้าแก่น้อยที่ได้ยินตอนนั้นนั่นเอง ที่เป็นที่มาของชื่อ "เถ้าแก่น้อย" สาหร่ายทอดกรอบในปัจจุบัน
当网络游戏的热度减退时,他就开始通过别的渠道挣钱。比如售卖VCD播放器,在大学门口开咖啡馆,但虽然已经拼尽全力,但他的努力还是没有获得想要的收获,他还是损失了很多的钱。有一天他正在唐人街上视察,看到很多人在很美味地吃糖烤栗子,那个时候这种栗子只有在唐人街才可以买到,这就成为了他开始自己事业的灵感,那就是在各大商场里卖糖烤栗子。但由于价格超出了预期,所以只能租了一台栗子烤箱,建立了自己的特许经销权。当某一天他要签订合同去某家商场售卖栗子的时候,出门之前他听到了父亲对朋友说:“我儿子要变成小老板了。”那个时候听到的一声“小老板”,就变成了现在的酥脆海苔品牌“小老板”。

เศรษฐีร้อยล้าน ได้ใช้เวลาเพียงแค่ปีกว่า ๆ ขยายเฟรนไชส์เกาลัดเถ้าแก่น้อย ได้กว่า 30 สาขา และเมื่อเขาเห็นว่า เฟรนไชส์ของเขาขายได้หลายแห่งแล้ว เขาจึงคิดจะทำสินค้าอื่นเพิ่มเติม จึงลองนำอย่างอื่นมาวางขายในร้าน ไม่ว่าจะเป็น เกาลัด ลูกท้อ ลำไยอบแห้ง และสาหร่าย แต่สินค้าที่ขายดีที่สุดในตอนนั้นกลับไม่ใช่เกาลัด แต่กลายเป็นสาหร่ายทอดกรอบ ซึ่งนั่นเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาอยากต่อยอดธุรกิจในการทำสาหร่ายทอดตรา "เถ้าแก่น้อย" อย่างจริงจัง
这位身价过亿的富翁只花了一年多的时间就将小老板这个栗子品牌开到了30家分店,他看到自己的品牌经营得这么好,就想要做点其他商品生意,所以就拿了其他东西放到店里卖。包括栗子、桃子、桂圆干和海苔。但那个时候卖得最好的反倒不是栗子,而是酥脆的炸海苔。这便为他创立品牌“小老板”认认真真创立自己的炸海苔事业提供了灵感。

หลังจากนั้นเขาก็พยายามศึกษา หาความรู้เกี่ยวกับสาหร่าย และได้ลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้ง โดยเริ่มจากบรรจุซองพลาสติกไปฝากตามร้านค้าต่าง ๆ แต่ก็มีอุปสรรคมากมาย ทั้งสินค้าหมดอายุไว รูปแบบแพ็กเกจจำหน่ายไม่สวย จึงทำให้เขากลับมานั่งคิดอีกครั้งว่า จะทำอย่างไรให้สินค้าเก็บไว้ได้นาน มีแพ็คเกจที่น่าสนใจ และสามารถขายในร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 ได้
从那之后他就努力研究关于海苔的知识,做了很多次的尝试,开始用塑料将海苔包装起来挂到各大商店进行售卖,但其中也有很多的阻碍。比如:商品很容易过期,包装样式不好看等等。这些都让他再三思索,怎样才能让商品的存储时间变长,让包装更好看,并且要怎样做才能够进入像7-11这样的便利店中售卖。

แต่พรสวรรค์ทางการตลาดของเขาก็ได้จุดประกายความคิดอีกครั้ง เขาได้นำกระแสเกาหลี กระแสญี่ปุ่น เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ โดยอยากให้ผู้บริโภคจดจำสินค้าของ เขาได้ทันทีที่แรกเห็น เขาจึงทำโลโก้เป็นเด็กน่ายิ้ม ดูน่ารัก มีความสุข อีกทั้งถือธงเพื่อให้รู้ว่า ถึงจะเป็นของกินเล่นแต่มีคุณค่าทางอาหารสูง รวมไปถึงเพิ่มรสชาติต่าง ๆ ให้หลากหลาย ตอบรับความต้องการของแต่ละคน
但他在市场方面的天赋又一次显现了出来,他在包装设计上借鉴了韩国和日本的灵感,想让消费者在看到他商品的第一眼就记住这个商品,所以他将品牌logo设计成了笑着的小人,看起来就觉得很可爱很开心。手执旗子则表明这款商品即使是零食,但也有很高的营养价值。同时他还增加了多个口味,迎合每位消费者的需求。

และเมื่อเขาได้ปรับปรุงสินค้าเรียบร้อยแล้ว เขาจึงนำสาหร่ายเถ้าแก่น้อยไปเสนอแก่ 7-11 อีกครั้ง และจากนั้นก็ได้รับการติดต่อกลับมาในทันทีว่า "ภายใน 3 เดือน สินค้าคุณพร้อมจะวางขายในร้าน 7-11 จำนวน 3,000 สาขาทั่วประเทศ หรือไม่" เมื่อได้ยินดังนั้น คำถามก็ประดังประเดเข้ามาในหัวของเขาว่า เขาต้องทอดสาหร่ายกี่แผ่น ใช้คนทอดกี่คน และจะทำทันหรือไม่ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นมีคำถามอยู่เต็มหัวไปหมด แต่เขาก็ตอบกลับ 7-11 ไปเกือบจะทันทีว่า พร้อมครับ!!!
当他将商品调整好之后,又一次将自己的小老板海苔提供给了7-11,这次他很快就收到了回复:“三个月内,你做好自己的商品在全国3000家7-11连锁店上架的准备了没有?”当听到这样的答复,他的内心也升起了很多疑问:自己究竟要炸多少块海苔?要雇佣多少个人去炸?时间能赶得上吗?即使那时候满脑子的疑问,但他几乎是立即就向7-11回复:准备好了!!!

หลังจากที่ ต๊อบ อิทธิพัทธ์ ตอบตกลงไปแล้ว เขาก็ต้องกับมานั่งกุมขมับ กับปัญหา และสิ่งที่ตามมาทั้งการสร้างโรงงาน เงินทุน แหล่งวัตถุดิบ การนำเข้าเครื่องจักรต่าง ๆ เพื่อผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐาน พร้อมส่งขายแก่ 7-11 กว่า 3,000 สาขา ในระยะเวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้น...  เขาจึงเดินหน้าด้วยการเริ่มต้นหาทุนสร้างโรงงาน โดยการไปขอกู้ยืมจากธนาคารแห่งหนึ่ง แต่ก็ได้รับการปฏิเสธกลับมา นั่นเป็นเพราะว่า ในตอนนั้นเขามีอายุเพียง 20 ปี เท่านั้น และเมื่อเขากู้เงินไม่ผ่าน เขาจึงยอมตัดใจขายธุรกิจเฟรนไชส์เกาลัดทิ้ง ซึ่งเฟรนไชน์กว่า 30 สาขาดังกล่าว สร้างรายได้ให้เขาเดือนละกว่าล้านบาทเลยทีเดียว แต่กว่าที่เขาจะตัดสินใจขายเฟรนไชส์แรกที่เขาปลุกปั้นมากับมือ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและสำคัญต่อจิตใจของเขามาก แต่เขาก็ต้องขายด้วยความเสี่ยง เพราะเขาไม่รู้เลยว่า ธุรกิจสาหร่ายนั้น จะดีเท่ากับธุรกิจเกาลัดหรือไม่
Tob Ittipat答应下来之后,他就必须坐下来揉着太阳穴思考接踵而至的问题,比如:建立工厂、投入成本、解决原料产地、进口各种机械来制作符合标准的商品,并且还要在三个月内将商品送到3000家7-11进行售卖...于是他的第一步就是寻找建立工厂的资金。他向一家银行申请了贷款,但却遭到了拒绝,理由是:那时的他还只有20岁。申请贷款不通过,他只得卖掉一个月为他增加数百万泰铢收入的30家栗子店的特许经销权。但是要决心卖掉自己第一次一手建立起来的生意并不是件容易的事,因为这对他的心理有着很重要的作用。但他还是必须冒险卖掉它,因为他不知道海苔的生意会不会像栗子生意一样火。

ในขณะที่ธุรกิจกำลังก้าวหน้า ต๊อบ อิทธิพัทธ์ ได้ตัดสินใจดร๊อปเรียนไว้ตอนปี 1 เพื่อนำเวลามาทำธุรกิจส่วนตัวอย่างเต็มตัว ส่วนทางด้านเงินที่ขายเฟรนไชส์เกาลัด ก็นำมาลงทุนกับสาหร่ายทั้งหมด โดยการสร้างโรงงานผลิตสาหร่ายทอด ซึ่งมีพนักงานก็คือครอบครัวของเขาทุกคน และคนงานอีกเพียงแค่ 6-7 คนเท่านั้น ทุกคนทำงานอย่างหนัก ยิ่งช่วงใกล้ส่งสินค้าให้กับทาง 7-11 ครอบครัวและคนงานของเขาแทบไม่ได้หลับได้นอน ทอดสาหร่ายและบรรจุภัณฑ์ แต่ก็สำเร็จ เขาสามารถบรรทุกสาหร่ายเถ้าแก่น้อยเต็มคัน ขับไปส่งศูนย์จำหน่าย  7-11 ได้สำเร็จ
当业务正在发展的时候,Tob Ittipat决定在大一的时候辍学,将时间全心全力投入到事业中去,那些栗子特许经销权卖出的钱都被他拿来投资了海苔事业,他建立起了炸海苔的工厂,工厂里的员工是他所有的亲属再加上六七个工人。所有人都努力工作,特别是将商品送到7-11的时间将至,他的家人和工人们更是觉都没得睡,都在忙着炸海苔和包装。但最后他们还是成功将小老板炸海苔装了满满一车,并成功送到了7-11销售中心。

จากนั้นเป็นต้นมา สาหร่าย "เถ้าแก่น้อย" ก็ทะยานสู่ตลาดวัยรุ่น และผู้บริโภคที่ชื่นชอบสาหร่ายทอดกรอบได้สำเร็จ ส่วน ต๊อบ ก็กลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มใหม่ไฟแรง เปลี่ยนสถานะจากเศรษฐีร้อยล้าน กลายเป็นเศรษฐีพันล้านได้อย่างสำเร็จ
从那以后,“小老板”海苔就成功打进青少年和炸海苔爱好者的市场,而Tob Ittipat也成为了企业家中的一匹黑马,从身价过亿摇身一变成为了身价超十亿的富豪。

ส่วนเรื่องการเรียนของ ต๊อบ อิทธิพัทธ์ นั้น ตอนนี้เขามีวุฒิการศึกษาสูงสุดเพียงแค่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เท่านั้น ซึ่งตอนนี้เขาก็ได้ลงเรียนอีกครั้งที่ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ซึ่งแม้ว่าเขาจะเชื่อว่า ประสบการณ์ไม่ได้มาจากทฤษฎีในห้องเรียน แต่มันมาจากการลงมือปฏิบัติก็ตาม แต่ที่เขาเรียนนั่นก็เพื่ออยากจะให้พ่อแม่ได้ภูมิใจ และอยากถ่ายรูปรับปริญญาร่วมกับครอบครัวเพียงเท่านั้น...
至于Tob Ittipat的学习方面,现在他的最高学历只是高中毕业,后来他再次就读于素可泰塔玛提叻远程教育大学,虽然他认为经验并不来自课堂中的理论,而是来自于亲身的实践,但他之所以继续学习,就是想让父母感到骄傲,想和家人们一起拍一张学位的毕业照而已...

事实证明,是金子总会发光,小老板创始人的故事真可谓是泰国少年励志典范了!

声明:本文由沪江泰语编译整理,素材来自Kapook,未经允许不得转载。如有不妥,敬请指正。