最近Lisa的获奖,又把她推上了一个新高度。而作为在海外打拼的泰星,她也一直不遗余力地宣传泰国的文化。

比如打车舞、螃蟹舞,还比如此前仅因Lisa的一句话,因新冠疫情经营惨淡的肉丸店一下焕然一新,经济学家称需好好来利用软实力来实现经济复苏:

นักเศรษฐศาสตร์ถอดบทเรียน “ลิซ่าเอฟเฟกต์” ทำ “ลูกชิ้นยืนกิน” ได้รับความนิยมต่อเนื่อง พลิกชีวิตร้านลูกชิ้นบุรีรัมย์ ให้กลับมาลืมตาอ้าปากอีกครั้ง เผย “วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ขายได้ตลอด ถ้าเกิดเรารู้จักการสร้างคุณค่า” สังคมตั้งข้อสังเกต เศรษฐกิจที่ซบเซามาหลายปี แต่ลิซ่ามาทีเดียวกราฟพุ่ง จนอยากให้ผู้บริหารประเทศเรียนรู้!!
经济学家们被“Lisa效应”上了一课。它让Luk Chin Yuen Kin丸子持续火爆,让武里南肉丸店的生意再度苏醒,表明了“如果我们知道如何创造价值,文化是可以随时出售的东西。”从社会观察到,持续萧条几年的经济,在Lisa来之后数据就直线上升,直到想让国家的高层们学习!!

ลูกชิ้น 200 กิโล กินฟรีวันเกิด “ลิซ่า BLACKPINK”
 Lisa生日的那天200公斤的丸子免费吃

กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่สร้างรอยยิ้มไปทั้งโลกโซเชียลฯ เมื่อบรรดาร้านลูกชิ้นยืนกิน ที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์นับ 10 ร้าน พร้อมใจกันฉลองวันเกิดอายุครบ 25 ปี ให้แก่ “ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล”ไอดอลเกาหลีสายเลือดไทยคนเก่ง แห่งวง BLACKPINKเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา ด้วยการแจกลูกชิ้นกว่า 200 กิโลกรัม ให้นักท่องเที่ยวกันฟรีๆ พร้อมทั้งมีการเป่าเค้กรูปลิซ่า และเสียงร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ จนดังกึกก้องไปทั้งสถานีรถไฟ
这件事让网民们纷纷露出笑容:在武里南火车站,车站里十家肉丸店一起给“Lisa-Lalisa Manoban“庆祝她25岁的生日。她是才华横溢的泰籍在韩爱豆,BLACKPINK的成员。 3月27日她生日的时候肉丸店准备了200公斤的丸子让游客免费吃,还准备了Lisa人形状的蛋糕让大家吹蜡烛。生日快乐歌响彻整个火车站。

และยังเป็นการขอบคุณลิซ่า ที่ทำให้ทั่วโลกได้รู้จักลูกชิ้นยืนกิน ของขึ้นชื่อเมืองบุรีรัมย์ โดยขณะนี้ไอดอลสาวก็ได้เดินทางกลับมาพักผ่อนที่เมืองไทย ถือว่าเป็นการกลับบ้านในรอบ 3 ปี
主要为了感谢Lisa让全世界都认识了Luk Chin Yuen Kin丸子,这是武里南的有名美食。时隔三年这位年轻的爱豆终于回到泰国休息了。

สำหรับ “ลูกชิ้นยืนกิน” กลายเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก อันเนื่องมาจากสาวลิซ่า ได้เคยให้สัมภาษณ์ในรายการ WOODY SHOW ราวเดือนกันยายน 2564 ไว้ว่า หนึ่งสิ่งที่อยากทำเมื่อกลับเมืองไทย คือ ไปกินลูกชิ้นยืนกิน น้ำจิ้มสูตรน้ำพริกเผา ที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์
而Luk Chin Yuen Kin丸子也因此闻名于世,Lisa曾在2021年9月上WOODY SHOW节目时说回泰国想做的一件事就是去武里南火车站蘸着辣椒酱吃Luk Chin Yuen Kin丸子。

จากประโยคสั้นๆ ของเธอ กลายเป็นการปลุกกระแสให้คนไปตามรอยกับเมนูดังกล่าวอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะ “เทศกาลลูกชิ้นยืนกินบุรีรัมย์ 2021” ที่จัดขึ้นในช่วงวันที่ 17-23 กันยายน 2564 เพียงไม่กี่วันของการจัดงาน ก็มีเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท
她短短的一句话就让Luk Chin Yuen Kin丸子成为一种潮流,数不胜数的人跟着去吃,尤其是 2021 年 9 月 17 日至 23 日举行的“武里南Luk Chin Yuen Kin丸子节”,举行了没几天就有不少于4000万泰铢的流水。

อีกทั้งยังเป็นการพลิกชีวิตร้านลูกชิ้นยืนกินที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์ได้ เพราะตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด-19 ก็ทำให้การค้าขายซบเซา แม่ค้าหลายร้านกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เคยขายได้เพียงวันละหลักร้อย
它还改变了武里南火车站Luk Chin Yuen Kin丸子店的生活。因为自从新冠疫情以来它们就惨淡经营。不少商户都异口同声地说之前一天只卖出几百铢。

แต่หลังจากที่สาวลิซ่าให้สัมภาษณ์ ก็ทำให้ยอดขายพุ่งไปถึงหลักแสนบาทต่อวัน และขายดีมาอย่างต่อเนื่อง อย่างร้าน “แชมป์ลูกชิ้นยืนกิน” จากเดิมมีสาขาเดียว ปัจจุบันได้ขยายเป็น 100 สาขาแล้ว!!
但从Lisa接受采访后,销售额直线上升到每天有数十万泰铢,并一直畅销。像原来“ChampionLuk Chin Yuen Kin丸子店”只有一家店,现在已经扩展到100家店了!!

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส และนักวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ (TDRI) ได้สะท้อนความเห็นถึงปรากฏการณ์ “ลิซ่าเอฟเฟกต์” แก่ทีมข่าว MGR Live ไว้ดังนี้
对于这件事,资深学者和泰国发展研究所 (TDRI)经济研究员Nonarit Phisolyabutr博士, 向 MGR Live 新闻团队反映了对“Lisa效应”的看法。如下:

[ ดร.นณริฏ พิศลยบุตร Nonarit Phisolyabutr博士]

“ลิซ่าเป็นกรณีหนึ่งที่เกิดขึ้นแล้วดังมาก เราลองคิดว่าอันนี้แค่อีเวนต์เดียว ปกติเวลาเราจัดงานต่างๆ ร้านค้านึงก็จะได้รับผลประโยชน์ พอเราดูการจัดงานไม่กี่วันแล้วมันได้ผลประโยชน์เยอะขนาดนี้ มันสะท้อนให้เห็นถึงพลังของ soft power มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็ต้องยอมรับก่อนว่า ตอนต้นๆ มันก็จะดี แต่ต้องคิดถึงเรื่องของความยั่งยืนต่อไปด้วยครับ
“Lisa效应是个很著名的案例。我们想想看这只是一个活动。通常我们举办各种活动时一家商店将会受益。我们可以看到活动才举办没几天,收益已如此之大,这更体现了软实力的力量。但是,我们得先承认,即便一开始的效果很好,但也得考虑到收益的持久性。

จะเห็นว่า ลิซ่ามาทำอะไร มากินร้านไหน มันก็จะมีคนไปตามรอยต่างๆ ตรงนี้เป็นจุดขายที่กระตุ้นได้ในหลากหลายรูปแบบอยู่แล้ว อาหารการกิน ทำผมแต่งหน้า การแต่งกาย รวมทั้งไปสถานที่ต่างๆ ก็เช่นเดียวกันครับ
可以看到Lisa来做什么,在哪家店吃饭,都会有人跟着做。这是一个可以在很多方面刺激消费的卖点:餐饮、妆容美发、穿着打扮,其他地方也是一样的道理。

ในมุมมองของผม ผมคิดว่า การพัฒนาลักษณะนี้มันเรียกว่า เป็นการพัฒนาที่ต่อยอดจากการพัฒนาแบบเดิม ถ้าเป็นแบบเดิม เราชอบดาราคนไหน ดาราคนนั้นก็มักจะไปรับพรีเซนเตอร์
在我看来,这种发展被称为是从最初的发展延伸出来的发展。如果是最初的发展的模式,就是我们喜欢哪个明星哪个明星就会接到推广。

แต่รูปแบบใหม่ล่าสุดที่จะเกิดขึ้น คือ วิถีชีวิต ดารากินอะไร ดาราชอบไปที่ไหน ไปทำอะไร ผมว่าตรงนี้มันขายได้หมด หลังๆ เราเริ่มเห็นคนที่เป็น influencer ต่างๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นดาราดัง แต่เป็นคนที่เริ่มมีกลุ่มทางโซเชียลฯ มากขึ้น ผมเห็นว่าตรงนี้มันเป็นหัวใจสำคัญที่จะพัฒนาเศรษฐกิจในด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งการผูกเชื่อมโยงไปยังจุดเด่นของเมืองไทยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร วัฒนธรรม ประเพณีต่างๆ เราสามารถสอดแทรกเข้าไปตรงนี้ได้ครับ”
但最新的发展模式是生活方式,明星吃什么,明星喜欢去哪里,做什么。我觉得这些都是卖点。以后我们可以看那些有影响力的人,不一定是明星,但得是一个在社交媒体上拥有很多群众基础的人,我认为这是发展旅游业的关键,再跟泰国其他亮点相连,比如美食、文化和传统等,我们可以将这些穿插入其中。”

หนุน soft power ไทย ให้ทั่วโลกยอมรับ
支持泰国软实力为世界所接受

นอกจากนี้ นักวิชาการอาวุโสจาก TDRI ก็ได้กล่าวถึงเรื่องราวของ soft power หรือการเผยแพร่วัฒนธรรมและแนวคิดต่างๆ ให้เกิดการยอมรับ โดยไม่มีการบังคับ ที่ประเทศเกาหลีใต้ คือ ตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน
此外,TDRI的资深学者谈到了软实力,或者说是各种文化和思想的传播为他人所承认。韩国就是一个很成功的例子。

“ประเด็นก็คือ เรื่องของ soft power ลิซ่าก็ไปทำงานที่เกาหลี เวลาเราดูซีรีส์เกาหลี ก็จะเห็นว่าเขาจะสอดแทรกอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว รวมทั้งอาชีพต่างๆ มันกลายเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว เราเห็นเราก็อยากกิน อยากไปเที่ยว อยากไปซื้อของ ชอบในวัฒนธรรม ก็ทำให้เกิดผลเกี่ยวเนื่องไปทั่วโลก หรือแม้กระทั่งกิมจิ เขาก็ทำยอดส่งออกได้มากขึ้นเรื่อยๆ
“关键在于软实力,Lisa去了韩国工作。当我们看韩剧的时候会看到里面穿插美食、旅游景点、还有各种职业,这已经成为一种文化了。我们看了就想去吃、想去玩、想去购物、喜欢他们的文化,他们的文化便在全世界引起了影响。甚至就像泡菜,他们也出口得越来越多。

[ ซีรีส์เกาหลี “แดจังกึม” ที่โด่งดังอย่างมากในไทย ]
[在泰国非常有名的韩剧《大长今》]

จริงๆ ในของเมืองไทยมันก็เคยเกิด สมัยก่อนมีเรื่อง Lost in Thailand เป็นหนังที่คนจีนมาเที่ยวที่ต่างๆ ในเมืองไทย หนังจีนเรื่องนี้ทำให้คนจีนแห่กันมาเที่ยวเมืองไทย
事实上,在泰国也有过类似的。之前有一部电影叫《泰囧》,是一部中国人在泰国到处玩的电影,这部中国电影让中国人都蜂拥而至地跑向泰国旅游。

ก็เป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่า เราสามารถขายตรงนี้ได้ เสียดายเมืองไทยเราทำน้อย
这个例子让我们看到,我们可以以此为卖点,可惜的是我们很少这么做。


(泰国电影《你好陌生人》中,女主为了追星,特意跑到韩国《冬日恋歌》拍摄地,跟裴勇俊的雕像深情拥抱。)

การที่เราจะไปสนับสนุนให้เกิดการบริโภค soft power การขายวัฒนธรรม แปลว่า เราจะต้องมีกุศโลบาย ต้องมีการขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในภาพยนตร์ ดารา influencer แต่ของเราผมคิดว่ามันเป็นลักษณะของการกระจายมากกว่า ก็คือ แบรนด์ไหนมีกำลัง ก็ไปจ้างคนให้รีวิว มันก็จะได้แค่เป็นจุดๆ มันก็จะไม่ได้ไปทั้งองคาพยพ
如果要支持软实力,以文化为卖点的话,就意味着我们一定要有策略。需要跟其他方面合作比如电影、明星、有影响力的人。但在我看来,更多的是要去怎么传播。就是哪个牌子有影响力就去雇人来测评,这只能起到一点作用,不能成为巨大的影响。

ผมอยากเห็นภาพการขายวัฒนธรรมแบบยั่งยืน เรามีอาหารทุกภาค แหล่งท่องเที่ยวเราก็มีทุกที่ การแต่งตัวเราก็มีการแต่งกายที่แตกต่าง วัฒนธรรมอะไรก็ค่อนข้างดี ทำยังไงให้เราขายความเป็นไทยออกไปด้วยครับ”
我希望看到的以文化为卖点是可持续的。我们有各个地方的美食、我们到处都有旅游景点。我们也有不同于别人的服装搭配,文化都挺好的。怎样才能将泰国特色作为卖点?”

เมื่อทีมข่าวถามว่า หากประเทศไทยหยิบวัฒนธรรมที่เป็น soft power มาใช้อย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน ดร.นณริฏ ก็ให้คำตอบว่า ช่วยได้มาก เพราะ ‘วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ขายได้ตลอด ถ้าเกิดเรารู้จักการสร้างคุณค่า’
当新闻组问如果泰国未来落实采用文化软实力能在多大程度上刺激到经济?Nonarit博士说,在很大程度上可以刺激到,因为“如果我们知道如何创造价值,文化是可以随时出售的东西。

“เยอะเลยครับ ผมเล่าให้ฟังอย่างนี้ ถามว่า คนที่มาเที่ยวเมืองไทยจะคิดถึงอะไร ผมว่าสิ่งที่เขาคิดถึง คือ 1. ชายหาด 2. อาจจะเป็นพวกการเที่ยวกลางคืน ผมคิดว่าตรงนี้ถือว่าดีในระดับหนึ่ง แต่มันเป็นการขายที่ไม่ยั่งยืน ถามว่าทำไม ชายหาดอะไรต่างๆ มันก็มีเสื่อมโทรม สถานที่กลางคืนบางทีมันก็มีธุรกิจสีเทาๆ ดำๆ บ้าง มันก็ไม่ค่อยเหมาะสมอยู่แล้ว
“很多,我这么给你说吧,问那些来泰国旅游的人想念什么,我觉得他们想念的是 1. 海滩 2. 也许是夜生活。我认为这两点是排在前面的,但这不是可持续的卖点。为什么呢?那些海滩,有的已经被污染了。那些提供夜生活的场所,有的私底下有灰色生意,也不太适合存在。

แต่ลองคิดดูว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว เขาจะไม่เน้นขายตรงนี้ เวลาคุณไปอิตาลี คุณไปดู Museum คุณไปอังกฤษไปดูวัฒนธรรม ไปดู Stonehenge ไปดู British Museum ไปดูต่างประเทศ วัฒนธรรมแต่ละอันเขาบูรณะได้ดี
但试着想想看发达国家不会强调以此为卖点。你去意大利的时候,你会去逛博物馆。你去英国,去看他们的文化,去巨石阵,去大英博物馆,去看其他国家,他们每种文化都得到了很好的修复。

วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ขายได้ตลอด ถ้าเกิดเรารู้จักการสร้างคุณค่า เราย้อนกลับไปดูก่อนสมัยสุโขทัย ถ้าผมจำไม่ผิดเรามีอารยธรรมที่อยู่ในเมืองไทยก่อนที่เราจะรวมเป็นประเทศมากมาย พวกตามพรลิงค์ ล้านนา ตอนนี้เราไม่ได้ขายเท่าไหร่เลย เวลาเราไปที่ต่างๆ ก็เหมือนมีคนนั่งเก็บ 10 บาท 20 บาท มันน่าเสียดาย
如果我们知道如何创造价值,文化是可以随时出售的东西,我们看回素可泰时期。如果我没记错的话,在我们统一之前,我们在泰国有很多文明。那空是贪玛叻、兰纳,现在我们不怎么以此为卖点了。就像是我们去不同的地方就只有人坐着收收10泰铢,20泰铢而已。真是太可惜了。

แต่ว่าผมอยากชวนคิดอย่างนี้ ปัจจุบันมีเทคโนโลยีพวก Virtual Reality แล้ว เราไม่เห็นแต่สามารถใส่แว่นแล้วเห็นของในอดีตได้ เราสามารถดึงเอาวัฒนธรรม ประเพณีเก่าๆ ให้กลับมาได้มั้ย คนที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม คนที่อยากรู้ประวัติศาสตร์มันมีพอสมควร ต่างชาติก็มี เราต้องเปิดตลาดก่อน ผมคิดว่าตรงนี้มันขายได้ไม่มีที่สิ้นสุด และสามารถขายได้ทุกภาค”
但我希望可以这样想。现在有虚拟现实技术。虽然有些东西现在看不到了,但是我们戴上眼镜就可以看到过去的东西。我们可以把古老的文化和传统带回来吗?通过旅游了解文化的人、想了解历史的人都足够多了,甚至还有外国人。但我们得先打开市场。我认为以此作为卖点是没有穷尽的,并且在泰国各地都通用。”

สุดท้าย นักวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า ปรากฏการณ์ “ลิซ่าเอฟเฟกต์” เป็นการเริ่มต้นที่ดี ของการนำ soft power มากระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย
最后,经济研究人员表示,“Lisa效应”现象是软实力刺激泰国经济的良好开端。

“ลิซ่าเอฟเฟกต์ เป็นตัวอย่างของการพัฒนาที่ดี การพัฒนาในปัจจุบันเราจะเห็นว่า จะมีความพยายามในการขาย soft power เรามีคุณค่าที่ซ่อนอยู่ในเมืองไทยค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น อาหาร วัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยว การแต่งกาย
“Lisa效应”是一个很好的发展例子。当前的发展我们可以看到,需要努力以文化软实力为卖点。我们泰国本身在很多方面就有隐藏的价值,无论是美食、文化、旅游景点、还是服饰等方面。

กรณีของลิซ่า สะท้อนให้เห็นว่า ถ้าเราสามารถที่จะสร้างพลัง soft power ในลักษณะนี้ เราสามารถที่จะดึงกำลังซื้อจากทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาได้ มันก็ช่วยในการพัฒนาภาคท่องเที่ยวของเรา ให้เป็นไปมากกว่าการท่องเที่ยวแบบเดิมๆ พวกพึ่งพาภูเขา พึ่งพาทะเล มันก็จะอยู่ได้อย่างจำกัด
Lisa的案例让我们看到如果我们能以这种方式创造软实力,我们就可以吸引国内外的购买力。它还有助于我们发展旅游业。甚至比传统的旅游业能带来更多的帮助,传统的依山吃山,依水吃水限制太多。

การท่องเที่ยวในอนาคตเราก็จะเห็นความหลากหลายมากขึ้น สร้างคุณค่าใหม่ๆ ทั้งที่มาจากส่วนเดิมแล้วก็ส่วนที่เป็นวัฒนธรรมใหม่ๆ ได้มากขึ้นครับ”
在未来的旅游业中,我们将看到更多的多样性。从旧的部分和新的文化中创造更多新价值。”

ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
新闻来源:MGR Live新闻团队

ขอบคุณภาพ : อินสตาแกรม @lalalalisa_m
照片来源:IG@lalalalisa_m